คว้าชัย สไตล์ โจ ไบเดน
ตอนนี้เป็นที่รู้กันแล้วสหรัฐอเมริกาได้ผู้นำ ในฐานะประธานาธิบดีคนใหม่ ซึ่งเป็นคนที่ 46 แล้ว นั่นคือ โจ ไบเดน จากพรรค เดโมแครต ชายผู้ซึ่งเคยได้เป็นสมาชิกวุฒิสภาถึง 7 ครั้งและเคยดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีในสมัยที่ บารัคโอบามา ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีสมัยแรก
ส่วนประวัติส่วนตัว ที่น่าเห็นใจที่ถูกพูดถึงมากที่สุด ซึ่งอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเขา นั่นคือการสูญเสียภรรยาคนแรกและลูกสาวคนสุดท้องไปในช่วงเดียวกันพร้อม ๆ กัน จากอุบัติเหตุรถยนต์ท่ามกลางความเสียใจนั้น ก็ยังต้องเผชิญกับความรู้สึกที่เห็นลูกชายทั้งสองคนยังมีอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่ในโรงพยาบาล เขาต้องดูแลเยียวยาทั้งลูก ๆ และตัวของเขาเอง เพียงลำพัง ซึ่งตอนนั้นเป็นช่วงที่แสนเหนื่อยสิ้นหวังกับชะตาชีวิต เรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1972 แต่ปัจจุบัน นายโจ ไบเดน สมรสใหม่กับภรรยาคนที่ 2 ที่ชื่อว่า จิล ไบเดน ซึ่งก็ได้พบรักการเมื่อปี 1977 อย่างไรก็ตามนั่นก็ยังเป็นฝันร้ายของ โจ ไบเดน ไปทั้งชีวิต อาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขารู้สึกว่าการได้เยียวยาและช่วยเหลือชีวิตและจิตใจของผู้อื่นเป็นเรื่องที่สำคัญ
และเนื่องจากการได้มีโอกาสทำงานกับ บารัค โอบามา มาก่อนทำให้เขายังได้รับอิทธิพลในเรื่องของการสร้างมิตรภาพอันดีกับคนต่างเชื้อชาติ ในครั้งนี้ โจ ไบเดน จึงได้แต่งตั้ง คามารา แฮริส สาวผิวสีเป็นรองประธานาธิบดี ซึ่งในครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกของอเมริกาที่สาวผิวสีเป็นรองประธานาธิบดีอีกด้วย
โจ ไบเดน ได้กล่าวสุนทรพจน์หลังจากรู้ผลเลือกตั้งโดยเน้นที่ประโยคสำคัญที่ว่า “เวลานี้เป็นเวลาของการเยียวยา” แล้วยังให้คำมั่นว่าเขาจะดูแลทุกคน ทั้งคนที่เลือกเขา และคนที่ไม่ได้เลือกเขา แน่นอน
ซึ่งนั่นเท่ากับว่ามันเป็นนัยยะที่ โจ ไบเดน เหมือนกับจะบอกว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้ปัญหาได้เกิดขึ้นเยอะแยะมากมาย มันจึงไม่ใช่เวลาสำหรับแค่การดำรงตำแหน่งทางสังคม และไม่ควรที่จะมีใครเลือกปฏิบัติต่อกัน โดยทันทีที่ได้รู้ผลคะแนนและได้เข้ารับตำแหน่ง โจ ไบเดน ได้ออกดำเนินการทำหน้าที่ประธานาธิบดีทันทีโดยงานแรกที่เขาได้ทำคือการต่อสู้และป้องกันกับไวรัสโควิด ในอเมริกา ที่ตอนนี้มีการติดเชื้อเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างต่อเนื่องแล้วก็เป็นปัญหาที่ทำให้เกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาอีกทีนึง ก็คือการว่างงานซึ่งเป็นปัญหาที่ด่วนที่สุดในอเมริกาตอนนี้
อย่างไรก็ตามจะเห็นได้ว่า โจ ไบเดน นั้น เน้นอุ้มคนต่างชาติพันธุ์ คนขาดโอกาส คนฐานะยากจนและปานกลางแต่ในส่วนของคนรวย นาย โจ ไบเดน เองนั้น มีนโยบายที่จะมีการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม แต่ด้วยความยุติธรรมก็จะมีการกำหนดก่อนว่ารายได้ที่ประมาณเท่าไหร่ถึงจะโดนเก็บภาษีเพิ่มเพื่อนำเงินส่วนนั้นมาช่วยคนที่ขาดโอกาสและคนจน ซึ่งก็มีผู้วิเคราะห์บางท่านมองว่าการกระทำเช่นนี้อาจจะทำให้มหาเศรษฐีไม่พอใจแต่หลังจากการเลือกตั้งก็ยังไม่มีมหาเศรษฐีคนไหนออกมาทำการต่อต้าน โจ ไบเดน อย่างเป็นรูปธรรมแต่อย่างใด
หากจะมีปัญหาในตอนนี้ ก็อาจจะมีปัญหาอยู่เพียงอย่างเดียวนั่นคือการต่อต้านจาก นาย ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคคู่แข่งหรือก็คือประธานาธิบดีคนที่ 45 ที่กล่าวหาว่านาย โจ ไบเดน ทำการโกงคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งเรื่องนี้ นาย ทรัมป์ จะได้ยื่นฟ้องศาลโลกในโอกาสต่อไป อย่างไรก็ตามคำกล่าวหาที่ นาย ทรัมป์ มีต่อ นายโจ ไบเดน นั้น ก็ยังไม่ได้มีหลักฐานอย่างเป็นรูปธรรมที่บ่งชี้ถึงข้อกล่าวหานี้ อาจจะต้องเป็นมหากาพย์ที่จะต้องติดตามข่าวกันต่อไป
คว้าชัย สไตล์ โจ ไบเดน